โลกทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า นิคมอุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษ ฯลฯ ล้วนเร่งให้เกิดภาวะโลกร้อนและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่เป็นอันตราย

การเปลี่ยนแปลงระบบภูมิอากาศนั้นเกิดขึ้นจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) อื่น ๆ เช่น โอโซน สารซีเอฟซี มีเทนและไนตรัสออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งในช่วงระยะเวลากว่า 150 ปีที่ผ่านมา ก๊าซเรือนกระจกได้ดูดซับและกักเก็บความร้อนที่แผ่ออกจากโลก ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งหากจะนิยามว่าก๊าซเรือนกระจกเป็นตัวร้ายที่ก่อให้เกิดความรุนแรงต่อโลกก็ดูจะไม่เป็นธรรมสักเท่าไร เนื่องจากก๊าซเหล่านี้มีคุณสมบัติทำให้อุณหภูมิในบรรยากาศโลกไม่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันด้วยคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อน หรือรังสีอินฟาเรดได้เป็นอย่างดี

หากบรรยากาศโลกไม่มีก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ดังเช่นดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะจะทำให้มีอุณหภูมิในตอนกลางวันร้อนจัด และในตอนกลางคืนหนาวจัด อย่างไรก็ดี ก๊าซเหล่านี้ดูดคลื่นรังสีความร้อนไว้ในเวลากลางวัน แล้วค่อย ๆ แผ่รังสีความร้อนออกมาในเวลากลางคืน ก๊าซเรือนกระจกจึงมีความจำเป็นต่อการรักษาอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกให้คงที่

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ระบุว่า แนวโน้มปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก เช่น อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น ปริมาณฝนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในฤดูน้ำหลากและน้อยลงในฤดูแล้ง และจำนวนวันที่อากาศร้อนเพิ่มขึ้น รวมถึงการเกิดเหตุการณ์รุนแรง เช่น คลื่นความร้อนความแห้งแล้ง น้ำท่วม พายุหมุน และไฟป่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ สังคม และระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ขณะที่ด้านคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในระบบภูมิอากาศในอีกกว่า 100 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2556-2643) พบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.1-6.4 องศาเซลเซียส ในกรณีที่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ คลื่นความร้อนจะเกิดถี่มากขึ้นและระยะเวลายาวนานขึ้น รวมทั้งปริมาณฝนที่ตกลงมามีความรุนแรงมากขึ้นและเกิดขึ้นบ่อยครั้งในหลายภูมิภาคแต่ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน และค่าเฉลี่ยระดับน้ำทะเลโลกเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะมีระดับความเสี่ยงและความรุนแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค

PLASTKET.COM มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันและเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมพลาสติกไทยสู่การเป็น “อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ (Decarbonization)” ในอนาคตอันใกล้

เราจึงได้วางแนวทางในการพัฒนาต่อยอดแพลตฟอร์มเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนธุรกิจ ‘Decarbonization’ ในอุตสาหกรรมพลาสติกของไทย โดยเริ่มจากการเป็นศูนย์กลางในการซื้อ-ขายเม็ดพลาสติกรักษ์โลก ระบบการผลิตชนิดคาร์บอนต่ำ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยเทคโนโลยี การใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

และในอนาคต PLASTKET.COM จะได้มีการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมพลาสติก เพื่อต่อยอดแพลตฟอร์มสนับสนุนด้านการรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลาสติกไทยสู่การเป็น “Zero Carbon Emission” ตามเจตนารมของภาครัฐ

เม็ดพลาสติก

สินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลาสติก

รีไซเคิลและสินค้ารักษ์โลก

ดีคาร์บอนไนเซชั่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง